ประสบการณ์จากผู้ใช้
The Masterpiece Eatery Experience
at Eathai, Central Embassy
คุณสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี








หลังการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ของ Iconic Building ที่จะมาเป็น Landmark ใหม่แห่งเอเชีย ‘เซ็นทรัล เอ็มบาสซี’ (Central Embassy) ก็กลายเป็น Talk of the Town ที่สุดในกลางทศวรรตนี้ก็ว่าได้ อาจเพราะความยิ่งใหญ่อลังการของการรวบรวมแบรนด์ระดับโลกไว้มากมาย การมีโรงหนังระดับเฟิร์สคลาสที่หรูหราที่สุดในประเทศไทย หรือการเนรมิตตัวสถาปัตยกรรมให้เป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถ้าสังเกตจากภายนอกหลายคนอาจคิดว่าเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เป็นห้างสรรพสินค้าที่อิงกับกระแสแห่งโลกตะวันตกไว้มากมาย แต่หากลองสัมผัสถึงเนื้อในจะพบว่ามีเรื่องราวแห่งความเป็นไทยอยู่อย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะ ‘Eathai’ ศูนย์รวมอาหารไทยและสินค้าไทยในรูปแบบ Concept Store ซึ่งกำลังเป็นสถานที่สุดฮอตบนโลกโซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ มากมายอยู่ในขณะนี้
อีทไทย (Eathai) ตั้งอยู่บนชั้น Lower Ground ของ ‘เซ็นทรัล เอ็มบาสซี’ บนพื้นที่ 5,000 ตารางเมตร ในรูปแบบ Thai Food Concept ที่รวบรวมร้านอาหารไทยและสินค้าไทยที่ดีที่สุดและครอบคลุมมากที่สุดในโลก โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ ครัว 4 ภาค, สตรีทฟู้ดส์, ตลาด Eathai และ Cooking Studio ซึ่งผู้ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวความเป็น Eathai ในทุกแง่มุม ตั้งแต่ความเป็นมา การคัดเลือกร้านอาหาร ครอบคลุมไปถึงการตกแต่งร้านที่จะสร้างความประทับใจให้กับผู้มาเยือน คงเป็นใครไม่ได้นอกจากผู้บริหารสาวสวยมากความสามารถ คุณสิรินิจ โชคชัยฤทธิกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายการตลาด โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี
“คอนเซ็ปต์ของเราคือการนำเสนอวัฒนธรรมการทานอาหารของไทยให้ลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จึงเป็นที่มาของชื่อ Eathai ที่ความหมายตรงตัว แต่ทุกวันนี้เวลานึกถึงสถานที่ที่จะมีอาหารไทยแท้ๆ นั้นหาไม่ง่ายเสมอไป เพราะอาหารไทยมีทั้งภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคอีสาน และมักจะอยู่คนละที่ เราเลยคิดว่าน่าจะเอาสิ่งที่ดีที่สุดของอาหารไทยแต่ละภาคมารวมกันในที่เดียว คราวนี้เราก็คิดต่อว่า เวลาคนมาทานอาหารอร่อย ก็คงอยากซื้อกลับไปฝากคนที่บ้าน หรือซื้อวัตถุดิบกลับไปทำเอง เราเลยมีสตรีทฟู้ดส์ที่รวมร้านค้าเจ้าดังมากมาย และตลาด Eathai ที่ขายทุกสิ่งอย่างตั้งแต่เครื่องปรุง เครื่องแกง ขนมไทย ผลไม้ไทย และของที่ระลึกต่างๆ
“เท่านั้นยังไม่พอ เรามองต่อยอดถึงการเรียนทำอาหารไทย เรามี Cooking Studio โดยความร่วมมือของเชฟเอียน-พงศ์ธวัช เฉลิมกิตติชัย มีหลักสูตรตั้งแต่ระดับ Beginner ไปจนถึง Advance ใช้เวลาครึ่งวัน หรือเรียนเต็มวันก็ได้ ทำให้ทั้ง 4 ส่วนของ Eathai เรามั่นใจว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่แข็งแรงมาก เพื่อดึงดูดคนให้มาที่นี่” หัวใจสำคัญของ Eathai คือการคัดสรรร้านอาหารไทยคุณภาพมากกว่า 40 ร้านค้าทั้งในส่วนของครัว 4 ภาค และสตรีทฟู้ดส์ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาหลายปีในการเสาะแสวงหาและคัดเลือก
ร้านอาหารที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยอย่างแท้จริง
“เราเลือกร้านมีชื่อเสียงจากทั้วประเทศและที่สำคัญต้องถึงรสชาติไทยแท้ๆ เท่านั้น คือเราต้องลงลึกตั้งแต่ตัวเจ้าของร้าน วัตถุดิบที่ใช้ เพื่อให้ได้คาแร็กเตอร์ของอาหารไทยจริงๆ ในครัว 4 ภาคเราก็มีถึง 7 ครัว ภาคใต้มี 2 ครัว ได้แก่อาหารปักษ์ใต้กับอาหารทะเล มีอาหารมังสวิรัติ ภาคอีสานตอนบนและตอนล่าง ภาคเหนือ และภาคกลาง ซึ่งคงรสจัดจ้าน ตามแบบฉบับอาหารไทยแท้ๆ เช่นขนมจีนน้ำยาแกงปูที่รสเผ็ดและเข้มข้น หรือส้มตำที่เปรี้ยวเผ็ดถึงใจ
“ในส่วนของสตรีทฟู้ดส์ เรามีไฮไลต์คือการได้ร้านดังเก่าแก่ที่เคยขายอยู่ในร้านค้าหรือร้านริมทางตามถนนต่างๆ เช่น ไอศกรีมกะทิสดในลูกมะพร้าว ขนมเบื้อง กุยช่าย ก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือแม้แต่หอยทอดเจ้าดัง ซึ่งทีมงานเราใช้ความพยายามมากในการเชิญให้มาอยู่กับเรา และแต่ละร้านยังคงกรรมวิธีดั้งเดิม จะนึ่ง ผัด ย่างในร้านตามต้นตำรับไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนเราก็จะดูแลเรื่องมาตรฐานความสะอาดและงานระบบต่างๆ ให้เอง เรียกได้ว่ามาแล้วได้ทานร้านดังอย่างสะดวกสบายแถมยังไม่ต้องลำบากในการเดินทางหาที่จอดรถด้วย”
นอกจากอาหารซึ่งเป็นหัวใจหลักถูกเลือกเฟ้นอย่างประณีตทำให้เป็นศูนย์อาหารระดับ Masterpiece แล้ว สไตล์สุดโดดเด่นของ Eathai คือการนำเสนอประสบการณ์ที่ดีที่สุดในทุกสัมผัสให้ผู้มาเยือน การตกแต่งแบบล้ำสมัยผสมกับอารยะไทยที่จัดจ้าน ด้วยการเลือกผิวสัมผัสเฟอร์นิเจอร์และผนังสีเอิร์ธโทน ที่มิกซ์แอนด์แม็ตช์วัสดุพื้นบ้านสุด Eclectic หลากชนิดจากทั่วเมืองไทย
“บรรยากาศที่เราให้ลูกค้าของเราก็เป็นเรื่องที่เราใส่ใจมาก งานตกแต่งภายในของ Eathai ใช้งานหัตถกรรมไทยท้องถิ่นแต่ละภาคมาผสมผสานในรูปแบบที่ทันสมัย เช่น การใช้เครื่องจักสานและเครื่องปั้นดินเผาเป็นงานตกแต่ง พื้นในส่วนภาคใต้เราใช้กระเบื้องเขียนลายแบบชิโนโปรตุกีส มีโต๊ะเก้าอี้ทรงกลมเหมือนนั่งล้อมวงทานขันโตกในโซนภาคเหนือ เก้าอี้ผ้าใบเหมือนนั่งทานอาหารทะเลอยู่ตามชายหาด เก้าอี้แบบไม่มีพนักพิงให้อารมณ์นั่งทานอาหารริมทาง การใช้รถเข็นรถถีบขายขนมและตู้กับข้าวเก่าก็ถูกนำมาตกแต่งในหลายจุด และของแอนทีคทุกชิ้นนั้นเราใช้งานจริงๆ ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า Eathai เป็นมากกว่าร้านอาหาร เพราะเราค่อยๆ นำเสนอวัฒนธรรมการกินแบบไทยให้กับคุณในทุกๆ ครั้งที่เข้ามา”
นอกจากงานดีไซน์ที่มองเห็นด้วยตาแล้ว อีกความประทับใจหนึ่งที่ทุกคนสัมผัสได้ใน Eathai คือ ความสะอาด การบริการ และบรรยากาศที่ดี โดยเฉพาะในส่วนที่เป็น Open Kitchen ซึ่งต้อนรับผู้เดินเลือกชมในทุกช่วงเวลาด้วยกลิ่นหอมจางๆ ของอาหารไทย 4 ภาคและสตรีทฟู้ดส์ชื่อดังที่คัดสรรมา โดยไม่มีกลิ่นหรือสารปนเปื้อนจากวัสดุตกแต่งมารบกวน เพราะสถาปนิกได้เลือกใช้โครงสร้างภายในของงานตกแต่งทั้งหมดจากไม้อัด เฌอร่า (SHERA ply) นวัตกรรมวัสดุ Hygienic ที่ออกแบบมาเพื่องานตกแต่งภายในโดยเฉพาะ ทำให้นับตั้งแต่วันแรกที่เปิดEathai ก็ได้มอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ผู้มาเยือนจนวันนี้ ในรูปแบบ Masterpiece Eatery Experience อย่างแท้จริง
คุณสิรินิจปิดท้ายด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งที่ภูมิใจมากคือทั้งหมดนี้ คือเราใช้ความเป็นไทยเป็นแรงบันดาลใจอยู่ในทุกองค์ประกอบ แม้แต่ตัวอาคารเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่ใช้ชิ้นส่วน Facade จากแผ่นอะลูมิเนียมกว่า 300,000 ชิ้นในองศาต่างกัน ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากงานเข้าสลักกระเบื้องหลังคาดินเผาอุโบสถวัดไทยที่สะท้อนแสงแดดให้ความระยิบระยับ และเปลี่ยนสีเมื่อแสงอาทิตย์เปลี่ยนมุมสีสันเหมือนผ้าไหมไทย ผู้บริหารระดับสูงของเราเองก็กล่าวไว้ว่าท่านเชื่อมั่นว่าคนไทยนี้แหละจะทำงานนี้ได้ดีที่สุด เราจึงใช้บริการทีมงานไทยตั้งแต่บริษัทที่ปรึกษาบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตกแต่งภายใน แรงงานฝีมือคนไทย แม้แต่ซัพพลายเออร์หลายเจ้าก็เป็นแบรนด์ไทยที่เราวางใจในคุณภาพ อย่างเช่น SHERA เองก็เป็นหนึ่งในนั้น”